ฉบับที่ 1/2568 - เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (Johor-Singapore Special Economic Zone: JS-SEZ)

ฉบับที่ 1/2568 - เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (Johor-Singapore Special Economic Zone: JS-SEZ)

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 ก.พ. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 ก.พ. 2568

| 215 view

PictureJS

ในห้วงการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายลอเรนซ์ หว่อง ระหว่างวันที่ 6 – 7 มกราคม 2568 รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ได้แลกเปลี่ยนความตกลงการจัดตั้ง “เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ หรือ Johor-Singapore Special Economic Zone (JS-SEZ)” ซึ่งเป็นความพยายามในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ โดยมุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงใน 11 สาขาเศรษฐกิจ ได้แก่ (1) โลจิสติกส์ (2) การผลิต (3) การให้บริการทางการเงิน (4) การให้บริการทางธุรกิจ (5) เศรษฐกิจดิจิทัล (6) การท่องเที่ยว (7) ความมั่นคงทางอาหาร (8) สุขภาพ (9) การศึกษา (10) พลังงาน และ (11) เศรษฐกิจสีเขียว และการสร้างตำแหน่งงานใหม่กว่า 20,000 ตำแหน่งงาน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า การจัดตั้ง JS-SEZ จึงนับเป็นความร่วมมือที่อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในความสัมพันธ์มาเลเซีย-สิงคโปร์ และในภูมิภาคอาเซียน

จุดเด่นของ JS-SEZ

  • ที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งอยู่ในรัฐยะโฮร์ มาเลเซีย ติดกับชายแดนสิงคโปร์ ทำให้สามารถเข้าถึงตลาดของผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงได้อย่างสะดวก
  • ข้อได้เปรียบด้านต้นทุน สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงินและโลจิสติกส์ระดับโลก อย่างไรก็ดี มีต้นทุนด้านแรงงานและอสังหาริมทรัพย์สูง ในขณะที่รัฐยะโฮร์มีพื้นที่ประมาณ 19,166 ตร.กม. ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์เกือบ 3 เท่า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างน่าดึงดูดใจ อาทิ ต้นทุนแรงงานต่ำ ที่ดินและค่าไฟฟ้าที่มีราคาถูก เป็นต้น
  • สิทธิประโยชน์ด้านภาษี อาทิ
    • การลดหย่อนภาษีนิติบุคคลร้อยละ 5 เป็นระยะเวลา 15 ปี ซึ่งต่ำกว่าภาษีนิติบุคคลทั่วไปที่ร้อยละ 24
    • การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกลุ่ม knowledge workers ร้อยละ 15 เป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทั่วไปสำหรับผู้มีรายได้ต่อปี ตั้งแต่ 70,001 ริงกิตขึ้นไป อยู่ระหว่างร้อยละ 19-30
  • โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทั้งสองประเทศได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในพื้นที่ JS-SEZ และบริเวณโดยรอบโดยเฉพาะระบบรถไฟ Rapid Transit System (RTS) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งระหว่างรัฐยะโฮร์และสิงคโปร์ในเวลาเพียง 20 นาที โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 2026
  • สำหรับรัฐบาลมาเลเซีย JS-SEZ เป็น “ต้นแบบแห่งอนาคต” และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ JS-SEZ สร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจมาเลเซียปีละ 1 พันล้านริงกิตภายในปี ค.ศ. 2030 สำหรับรัฐบาลสิงคโปร์ JS-SEZ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายตัวกิจการของบริษัทเนื่องจากพื้นที่รัฐยะโฮร์มีต้นทุนที่ถูกกว่าฝั่งสิงคโปร์ รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการผลิตจากจีน โดยเฉพาะหากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม อาทิ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ การบินและอวกาศ เศรษฐกิจดิจิทัลและนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์ เทคโนโลยีสะอาดและพลังงานทดแทน

การจัดตั้งเขต Flagship ภายในพื้นที่ JS-SEZ และสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง

เขต Flagship 7 แห่งซึ่งให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพิ่มเติมและอื่น ๆ

  • Flagship A (Johor Bahru Waterfront) และ Flagship B (Iskandar Puteri) เน้นภาคบริการธุรกิจเพื่อเป็นศูนย์กลางการให้บริการทางธุรกิจระดับโลก
  • Flagship C (Tanjung Pelepas) เน้นภาคโลจิสติกส์เพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์อัจฉริยะ
  • Flagship D (Tanjung Langsat – Kong Kong) เน้นภาคการผลิตเคมีภัณฑ์เฉพาะทางปลายน้ำ
  • Flagship E (Senai – Skudai) เน้นภาคการผลิตการบินและอวกาศ รวมถึงการให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul: MRO)
  • Flagship F (Kulai – Sedenak) เน้นภาคการผลิตในห่วงโซ่อุปทาน AI และ Quantum Computing รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์และยา
  • Flagship G (Desaru – Penawar) เน้นภาคการท่องเที่ยวเพื่อเป็นโครงการการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการ

และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ในพื้นที่โครงการที่ดำเนินมาแต่เดิมซึ่งขณะนี้ได้ผนวกเข้ามาอยู่รวมใน JS-SEZ

  • Forest City Special Financial Zone (SFZ) อาทิ การลดหย่อนภาษีสำนักงานธุรกิจครอบครัว และภาษี
    นิติบุคคลร้อยละ 0-5
  • Pengerang Integrated Petroleum Complex (PIPC) อาทิ การยกเว้นอากรแสตมป์ (Stamp Duty)

นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่ JS-SEZ จะดำเนินการในรูปแบบ “Build-as-they-invest” หรือแบบค่อยเป็นค่อยไป หมายความว่า โครงสร้างพื้นฐานจะถูกสร้างเมื่อมีนักลงทุน ซึ่งแตกต่างจากโมเดลการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมแนวทางเดิมซึ่งจะก่อสร้างให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงหานักลงทุน

พัฒนาการล่าสุดของ JS-SEZ

ปัจจุบัน รัฐบาลมาเลเซียอยู่ระหว่างการจัดทำ Blueprint ของ JS-SEZ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนทั่วโลกเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการจัดกลุ่มอุตสาหกรรมและระบบนิเวศทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นใน JS-SEZ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ยังมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจ

  1. ศึกษาข้อมูลเชิงลึก ทำความเข้าใจกฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ และโอกาสทางธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม
  2. เตรียมความพร้อม พัฒนาศักยภาพองค์กรและบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันในตลาดระดับภูมิภาค
  3. สร้างเครือข่าย แสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลงทุน
  4. ติดตามความคืบหน้า ติดตามการพัฒนาโครงการและนโยบายใหม่ ๆ ที่อาจส่งผลต่อโอกาสทางธุรกิจ

จุดติดต่อสำหรับผู้สนใจลงทุนใน JS-SEZ

สำนักงาน Invest Malaysia Facilitation Centre Johor (IMFC-J) ตั้งอยู่ที่ Ground Floor 01-05 & 01-06, Menara Delima Satu, Jalan Forest City 1, Pulau Satu, Forest City, 81550 Gelang Patah, Johor Bahru, Johor

หมายเลขโทรศัพท์ +607 233 3000     

โทรสาร +607 233 3001

ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected]

เว็บไซต์ www.imfc-j.com.my

* * * * *

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

https://www.channelnewsasia.com/asia/johor-singapore-sez-build-invest-model-prudent-infrastructure-delays-rafizi-ramli-4843126

The Edge Malaysia

https://www.nst.com.my/business/economy/2025/02/1173805/kuala-lumpur-singapore-high-speed-rail-will-complement-js-sez-bttv

https://www.thestar.com.my/news/nation/2025/01/07/js-sez-targets-50-high-value-projects-within-five-years-says-rafizi

https://www.bernama.com/en/region/news.php?id=2394079

เอกสารประกอบ

ฉบับ_1-2568_JS-SEZ_สถานะ_26_ก.พ._68.pdf