สถานเอกอัครราชทูตฯ จัดงาน IGNITE Thailand in Kuala Lumpur: Enhancing Thailand-Malaysia Cross Border Connectivity Through Public-Private Partnership ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (1)

สถานเอกอัครราชทูตฯ จัดงาน IGNITE Thailand in Kuala Lumpur: Enhancing Thailand-Malaysia Cross Border Connectivity Through Public-Private Partnership ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (1)

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ก.ค. 2567

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 9 ก.ค. 2567

| 398 view
วันที่ 1-2 กรกฎาคม 2567 สถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยและมาเลเซีย อาทิ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ศูนย์ประสานงานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT (Centre for IMT-GT Subregional Cooperation: CIMT) สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งมาเลเซีย (National Chamber of Commerce and Industry of Malaysia: NCCIM) และสภาธุรกิจมาเลเซีย-ไทย (Malaysia-Thailand Business Council: MTBC) จัดงาน IGNITE THAILAND in Kuala Lumpur: Enhancing Thailand-Malaysia Cross Border Connectivity Through Public-Private Partnership ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกอบด้วยกิจกรรม economic forum และการจับคู่ธุรกิจ รวมทั้งการเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าไทยในงาน Food and Drinks Malaysia by SIAL
 
วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นางสาวลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และ Dr. Mohd Shaharin Bin Umar, Director of Regional Development Division ผู้แทน YBHG. Dato’ Nor Azmie Diron ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซีย เป็นประธานร่วมกล่าวเปิดงานฯ ที่โรงแรม Renaissance Kuala Lumpur Hotel & Convention Centre
 
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลพัฒนาการล่าสุดของโครงการความเชื่อมโยงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียรวมทั้งโอกาสการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายภาคเอกชนไทย-มาเลเซีย สอดคล้องกับนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก และนโยบาย IGNITE Thailand ของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ การเกษตรและอาหารของโลก พร้อมทั้งเพื่อปูทางสู่การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 ซึ่งมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
 
Dr. Mohd Shaharin Bin Umar กล่าวสนับสนุนการจัดงานฯ และแสดงความพร้อมของมาเลเซียร่วมทำงานอย่างแข็งขันกับประเทศไทยผลักดันความร่วมมือและความเชื่อมโยงบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมสองฝ่าย
 
กิจกรรม Economic Forum ประกอบด้วยการเสวนาใน 4 หัวข้อ ได้แก่ (1) Thailand-Malaysia Cross Border Physical connectivity Projects with Trade and Investment Opportunities (2) Thailand-Malaysia Halal Industry Development and Cooperation (3) Talk with Thai Food Importers and Exporters และ (4) Talk with Thai Biz in Malaysia โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทย-มาเลเซียร่วมเสวนา และกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจได้รับการสนับสนุนจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ. บต.) คัดเลือกผู้ประกอบการไทย 10 บริษัทในกลุ่มสินค้าเกษตร อาหาร และฮาลาลจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา เข้าร่วม
 
อนึ่ง งานดังกล่าวประสบความสำเร็จและมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 200 คน และมีผู้ร่วมรับชมการถ่ายทอดสดบนเพจเฟสบุ๊คสถานเอกอัครราชทูตฯ รวมกว่า 2,000 คนในช่วงพิธีเปิดงานฯ และช่วงการเสวนากับผู้บริหารภาคเอกชนไทยในมาเลเซีย เป็นข้อริเริ่มการดำเนินโครงการส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ประจำปี 2567 ของสถานเอกอัครราชทูตฯ โดยในปี 2566 ได้นำคณะผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนของไทยลงสำรวจพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตอนเหนือของมาเลเซีย (Northern Corridor Economic Region: NCER) บริเวณรัฐปีนัง เกดะห์ และปะลิส ได้แก่ (1) Perlis Inland Port (PIP) ภายใน Chuping Valley Industrial Area (CVIA) และ (2) Kedah Rubber City (KRC) พร้อมทั้งลงสำรวจบริเวณพื้นที่จุดเชื่อมต่อชายแดนไทย-มาเลเซีย สำหรับโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ จ. สงขลา - ด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเกดะห์

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ